ประกันภัยรถยนต์

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ปูทะเล ปูม้ายักษ์ ตัวใหญ่แค่ใหน ไปดูกัน....

ปูทะเล ปูม้ายักษ์ ตัวใหญ่แค่ใหน ไปดูกัน....

ดูกันแบบ เห็นๆ นี่คือถุงน้ำหมึก ของหมึกกระดอง เอาใว้พ่นใส่เพื่อพลางตัว

หอยแมงภู่ ลอยฟ้า ไม่เขื่ออย่าลบหลู่

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เนินทรายบางเบิด สันทรายบางเบิด SEND DUNE โดยสันทรายตอนบนอยู่ในพื้นที่ บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนสันทรายตอนล่างอยู่ในพื้นที่ บ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว

สำหรับสันทรายยักษ์แห่งนี้คือ “สันทรายบางเบิด” ที่มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ สูงร่วม 20-30 เมตร ยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ทอดตัวยาวย่อมขนานไปตามแนวชายหาดบางเบิดในพื้นที่รอยต่อของ 2 จังหวัด 2 ภาค คือ ประจวบฯ(ภาคกลาง) และชุมพร(ภาคใต้) โดยสันทรายตอนบนอยู่ในพื้นที่ บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนสันทรายตอนล่างอยู่ในพื้นที่ บ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร
       
       อนึ่งการเกิดขึ้นของสันทรายบางเบิดนั้นอย่าคิดว่าเกิดกันได้ง่ายๆ เพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นยากมากๆ ต้องอาศัยความเหมาะเจาะลงตัวของสภาพพื้นที่และเงื่อนไขของธรรมชาติอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การยกตัวของชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง(ในยุคอดีต) การขึ้นลงของระดับน้ำทะเล การตั้งอยู่ในพื้นที่กระแสลมแรง การมีขนาดของเม็ดทรายชายทะเลที่มีขนาดเล็กมากและน้ำหนักเบาชนิดที่สามารถล่องลอยตามกระแสลมพัดพาไปสะสมในระยะไกลๆได้
       
       นอกจากนี้ลักษณะของสภาพชายหาดก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องเป็นหาดทรายชายทะเลที่กว้างพอที่จะทำให้เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง เม็ดทรายบนชายหาดแห้งจนไม่มีแรงยึดเกาะระหว่างเม็ดทราย ทำให้เม็ดทรายสามารถปลิวลอยไปตามกระแสลมได้ แต่กับสันทรายบางเบิดนั้นมีเงื่อนไขของธรรมชาติที่เอื้อต่อการเกิดเป็นสันทรายขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี 
 โดยจากข้อมูลของการเกิดสันทรายบางเบิดระบุว่า เกิดจากยกตัวของชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตะกอนในทะเลที่สะสมตัวมายาวนานโผล่ขึ้นมาเกิดเป็นแนวเนินทรายยาว ขณะที่ชายฝั่งบริเวณนี้ที่ตั้งอยู่ในเขตร่องมรสุมพัดผ่านเป็นประจำ จึงเกิดมีกระแสลมแรงพัดผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ กอปรกับการที่ด้านหน้าของหาดบางเบิดมีลักษณะเปิดโล่ง รับลม ไม่มีเกาะต่างๆปิดกั้นบังลม และชายหาดมีความลาดชั้นน้อย อีกทั้งทรายที่นี่ก็มีลักษณะพิเศษคือ มีน้ำหนักเบาและละเอียดมาก จนถูกเรียกขานว่า“ทรายแป้ง”
       
       ดังนั้นเมื่อถูกสายลมแรงพัดผ่านก็ลอยปลิวตามกระแสลมมาทับถมกันบนแนวสันตะกอนกินเวลานับเป็นพันๆปี เกิดเป็นสันทรายบางเบิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยขึ้นมา 
สันทรายบางเบิดแม้มีขนาดใหญ่เทียบไม่ได้กับที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แต่ก็เป็นสันทรายที่มีความโดดเด่นในระดับโลกเนื่องจากสันทรายที่นี่มีป่าคุณลักษณะเฉพาะที่ถือเป็นป่าชนิดใหม่ของประเทศและน่าจะมีแห่งเดียวในเมืองไทย นั่นก็คือ “ป่าเนินสันทราย” (Sand Dune Forest)
       
       ป่าเนินสันทรายถือเป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของธรรมชาติ เพราะมีพันธุ์ไม้จากป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง อีกทั้งยังมีกล้วยไม้ ดอกไม้ หญ้า เถาวัลย์ มอส ไลเคน เฟิน มาขึ้นผสมพึ่งพาอาศัยกันบนเนินสันทรายยักษ์แห่งนี้ จากการสำรวจพบว่ามีพืชพันธุ์ไม้อยู่ประมาณ 160 โดยพันธุ์ไม้เหล่านี้จะกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ตามที่แต่ละชนิดสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นที่ได้ 
สำหรับป่าเนินสันทรายนั้นปัจจุบัน อยู่ภายใต้การดูแลของ “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร” (หมู่ 5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร) อีกหนึ่งโครงการดีๆใต้พระบารมีที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชประสงค์ให้สถานที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์อันคงสภาพแวดล้อมเดิมของพื้นที่ คือ สภาพสันทรายและสภาพป่าธรรมชาติไว้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ปรับปรุงบำรุงดินตามความเหมาะสมกับการปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็นพันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียงของพื้นที่นี้มานาน 
จากผืนป่าพิเศษทีนี้ก็มาถึงการไปเดินตะลุยบนเนินสันทรายขนาดยักษ์ที่ริมหาดบางเบิดกันบ้าง สำหรับจุดเที่ยวชมสันทรายนั้นอยู่ที่ เนินทรายงาม ที่มีป้ายศิลาเขียนติดไว้ว่า “หนึ่งในสยาม เนินทรายงามชุมพร”
       
       เนินทรายงาม ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำพุ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติทำเป็นแผ่นหินเดินลัดเลาะขึ้นไปตามสันทราย ระหว่างทางมีป้ายหินบอกให้ข้อมูลเป็นจุดๆ
       
       การได้เดินย่ำไปบนเนินทรายงามนี้ เหมือนกับการเดินบนภูเขาทราย ทรายที่นี่ละเอียดยิบเหมือนแป้งจนไม่น่าที่จะรียกว่าเม็ดทรายเพราะมันละเอียดกว่ามาก แต่น่าที่จะเรียกว่า“ฝุ่นทราย” หรือ“ธุลีทราย”มากกว่า เวลาเดินจะนุ่มเท้าดีเป็นบ้า แต่ถ้าใครไปเดินในช่วงตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึงประมาณ 3-4 โมงเย็น กรุณาอย่าเดินตีนเปล่าเด็ดขาด เพราะแสงแดดและอากาศได้แผดเผาให้ทรายนุ่มๆนั้นกลายเป็นทรายร้อนระยับ ชนิดใช้หมกอุ่นอาหารกันได้เลยทีเดียว 
































วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จุดชมวิวเขาดินสอ ชมนกเหยี่ยวอพยบ จากขั้วโลกเหนือ ไซบีเรีย เปิดเป็นทางการ...

่ปลาหมึกตากแดด สวยงามที่สุด ที่เคยเจอมา

น้ำตกซองกาเรีย สายน้ำแห่งชีวิต แห่งสังขละบุรี กาญจนบุรี

ปลาหมึกตากแดด หมึดแดดเดียว อะไรจะเยอะแยะ ปานนั้น

วิธีทำ

        1.ล้างปลาหมึกให้สะอาด ดึงเครื่องในออก ผ่าตาและปากปลาหมึกออก แต่ไม่ต้องลอกหนังออก แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ
        2.ผสม น้ำปลา น้ำตาล กระเทียมรวมกันคนให้น้ำตาลละลายดี ใส่ปลาหมึกลงไปเคล้าใช้มือค่อย ๆ นวดอย่าให้หนวดปลาหมึกหลุดจากตัวเพื่อความสวยงาม ประมาณ 20 นาที แล้วหมักไว้ 2 ชั่วโมง จากนั้น ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นกลัดตัวปลาหมึกตามขวาง นำไปแขวนตากกับราว ตากไว้ 4-6 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) กะว่าผิวด้านนอกของปลาหมึกแห้งสนิท เป็นใช้ได้
       3.ทำน้ำจิ้มสูตร 1 โดย เคี่ยวน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำเปล่ารวมกัน ชิมรสให้หวานนำ เปรี้ยวและเค็มตาม พักให้เย็นตักใส่ถ้วย โรยพริกขี้หนูป่น ถั่วลิสงตำพอแหลก และผักชีซอย
       4.ทำน้ำจิ้มสูตรสอง โดยผสมทุกอย่างรวมกันแล้วตักใส่ถ้วยพักไว้
       5.ทำน้ำจิ้มสูตรสาม โดย สับพริกขี้หนู กระเทียมและรากผักชีให้ละเอียดยิบ ใส่ลงในภาชนะ เติมน้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว คนให้น้ำตาลละลาย และส่วนผสมเข้ากันดี ใส่ผักชีสับ คนอีกครั้ง พักไว้
       6.หั่นปลาหมึกแดดเดียวตามขวางเป็นชิ้นยาว แล้วใส่ลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางร้อน จนเป็นสีเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน รับประทานกับน้ำจิ้มทันที (หากทิ้งไว้นานเนื้อปลาหมึกจะเหนียวไม่อร่อย)

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คอนโด ปูดำ ที่เลี้ยงปูดำ ปูดำขุน ปูนิ่ม ปูดำนิ่ม ฟาร์มเจ้พร สะพลี ปะทิว ...



เจ๊พรซีฟู๊ด Seafood ชุมพร


จำหน่ายปูนิ่ม ปูเนื้อ ปูไข่ อาหารทะเล


รับทำอาหารทะเลและอาหารตามสั่งทุกชนิด


จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ราคากันเอง


สด สะอาด อาหารอร่อย วันต่อวัน อาหารมีคุณภาพ บริการดี บรรยกาศดี


11/3 หมู่ 4 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร
, ตรงข้ามเทศบาลตำบล สะพลี

ปะทิว (86230) - Chumphon
ไทย

0874743669

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัดจมน้ำ ส้งขละบุรี กาญจนบุรี เหลือเชื่อจริงๆ



วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 220 กิโลเมตร

ในระยะแรกมีเพียงกุฏิและศาลา มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอเดิม คืออำเภอวังกะ-สังขละบุรี ซึ่งต่อมาถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอ ก่อนที่จะยกฐานะเป็น อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2508

วัดวังก์วิเวการาม ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบพม่า มีพระพุทธรูปหินอ่อน และ งาช้างแมมมอธ มีเจดีย์พุทธคยาจำลอง สร้างจำลองแบบจาก เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยเริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2529 สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยาวประมาณ 900 เมตร

เมื่อ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนเขาแหลมจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งบริเวณหมู่บ้านชาวมอญทั้งหมด ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน หลวงพ่ออุตตมะได้จัดสรรที่ดินของวัดวังก์วิเวการามให้ชาวบ้านครอบครัวละ 30 ตารางวา ปัจจุบันหมู่บ้านชาวมอญมีพื้นที่ราว 1,000 ไร่เศษ มีผู้อาศัยราว 1,000 หลังคาเรือน ชาวบ้านเกือบทั้งหมดจัดเป็นผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าซึ่งไม่มีบัตรประชาชน หาเลี้ยงชีพโดยการปลูกพืชผักสวนครัวตามชายน้ำ ทำประมงชายฝั่ง คนหนุ่มสาวส่วนหนึ่งนิยมเป็นลูกจ้างในโรงงานเย็บเสื้อที่อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้าน

ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันพระอุโบสถหลังเก่าจมอยู่ใต้น้ำ และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เป็นที่รู้จักในชื่อว่า วัดใต้น้ำ สังขละบุรี

เปิดแล้ว สะพานมอญ สังขละบุรี หลังชำรุดพังขาด และซ่อมมานาน กาญจนบุรี

สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า[1] เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530[2] โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี[3]
ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.30 น. สะพานอุตตมานุสรณ์ได้พังทลายขาดเป็น 2 ท่อนในช่วงกลางสะพาน ความยาวประมาณ 30 เมตร เนื่องจากเกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกันนานถึง 3 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลเชี่ยวกรากจากทุ่งใหญ่นเรศวร พัดขยะตอไม้ลงสู่แม่น้ำซองกาเลีย ปะทะกับเสาสะพานทำให้เกิดขาดกลาง[4] และเสียหายเพิ่มเป็น 70 เมตร ในเที่ยงของวันต่อมา[5]
หลังจากผ่านไป 1 ปี การซ่อมแซมสะพานแห่งนี้ก็ยังไม่เสร็จ และเกินสัญญาว่าจ้าง 120 วัน เนื่องจากมีปัญหาด้านบริษัทผู้รับเหมาที่มีปัญหาไม่สามารถนำไม้ที่ต้องขนส่งมาจากภาคอีสานมาซ่อมแซมได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดกฎหมาย[6]
ในที่สุด สะพานอุตตมานุสรณ์ก็ได้รับการสร้างจากทหารช่างจากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ค่ายสุรสีห์ ร่วมกับชาวบ้านอำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาเพียงแค่ 29 วัน และมีพิธีเปิดใช้อีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นวันครบรอบชาตกาล 104 ปี หลวงพ่ออุตตมะ โดยจะมีการแสดงแสงสีเสียงด้วย

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไปร่อนทอง บางสะพาน สุดยอดได้ทองจริงๆ กันแบบเห็นๆ

อาชีพร่อนทอง อาชีพร่อนทอง เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงเนื่องจากจะต้องขุดดินเป็นหลุมลึก บางครั้งก็ตื้น มีโอกาสพบทองหรือไม่ไม่สามารถจะบอกล่วงหน้าได้ จากเอกสารที่มีผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าและคำบอกเล่าของชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยยึดอาชีพขุดทอง พอจะนำมาเรียบเรียงถึงความเชื่อในการประกอบอาชีพร่อนทองของชาวบางสะพาน ได้ดังนี้ ความเชื่อ ก่อนที่จะขุดทองต้องมีการบวงสรวงเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งมีหลายรูปแบบ ตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น อาทิ 

-ห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในบริเวณหลุมที่ขุดทอง
-ห้ามผู้หญิงที่มีรอบเดือนเข้าไปในบริเวณหลุมที่ขุดทอง
-เมื่อพบทองแล้วห้ามเรียกคนอื่นให้มาขุดที่เดียวกัน เพราะจะไม่พบทองอีกเลย
-ห้ามใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำไปขุด เพราะจะไม่พบทองคำเลย
-ใช้ขวดยานัตถุ์ผูกสะเอวเพื่อใส่ทองที่ร่อนได้ เนื่องจากมีขนาดเล็กและพกติตัวได้สะดวก
คุณสมบัติของทองบางสะพาน “ทองบางสะพาน” หรือ “ทองบางตะพาน” มีชื่อเสียงและรู้จักกันดีจนมีผู้กล่าวกันว่า “เป็นทองคำเนื้อดีที่สุดของเมืองไทยและในโลก” ทองที่พบเป็นทองธรรมชาติ เห็นเป็น Nuggest (ทองที่ขุดได้โดยไม่ต้องถลุง) อย่างชัดเจน เหลืองอร่าม สุกปลั่งและเนื้ออ่อน ทองร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นทองเนื้อเก้า เรียกว่า “นพคุณเนื้อเก้า” เชื่อกันว่าป้องกันภยันตรายและภูตผีปีศาจได้ดี ทองบางสะพาน หรือทองบางตะพาน หรือทองนพคุณนี้ในหนังสือประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ อธิบายไว้ว่า ทองคำที่ซื้อขายกันนั้น เรียกตามเนื้อและตามราคา เช่น ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๔ บาท เรียกว่า เนื้อสี่ ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๕ บาท เรียกว่า เนื้อห้า ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๖ บาท เรียกว่า เนื้อหก ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๗ บาทเรียกว่า เนื้อเจ็ด ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาทเรียกว่า เนื้อแปด ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาท ๒ สลึง เรียกว่า ทองเนื้อแปดสองขา ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๙ บาท เรียกว่า นพคุณเก้าน้ำ

คุณสมบัติเด่นเฉพาะของทองบางตะพาน ปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น นิราศนรินทร์
“บางสะพานสพาดพื้น ทองปาง แก่แฮ รอยชะแลงชระลุราง ร่อนกลุ้ม ระลึกโฉมแม่แบบบาง บัวมาศ กูเอย ควรแผ่แผ่นทองหุ้ม ห่อไว้หวังสงวน” ขุนช้างขุนแผน “เอาไม้สรรพยามาทำฝัก ผสมผงลงรักให้ผิวผ่อง กาบหุ้มต้นปลายลายจำลอง ทำด้วยทองบาทชาติบางตะพาน”

วัดทางสาย บ้านกรูด วิวสวยที่สุดที่เคยดูกันมา...

 พระพุทธกิติสิริชัย

ธรูปองค์นี้สามารถมองเห็นได้จากหาดบ้านกรูดด้วย มีพระนามว่า “พระพุทธกิตติสิริชัย” ชาวบ้านมักเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่เป็น พระพุทธรูปปางสมาธิแบบศิลปะคันธาระ(ได้รับอิทธิพลจากกรีกผ่านอินเดีย) หันพระพักตร์ออกทะเล ชาวบางสะพานสร้างขึ้น เพื่อ น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5  รอบ พระพุทธกิติสิริชัย เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่หน้าตักกว้าง 5 วา อันเปรียบได้กับขันธุ์ทั้ง 5 มีความสูงพร้อมฐาน 9 วา อันเปรียบได้กับนวโลกฤตตรธรรม 9 (มรรค 4 ผล 4 นิพาน 1) ฐานกว้างโดยรอบ 16 วา อันเปรียบได้กับ โสฬสญาณ คือญาณ 16  มีศาลาพัก 3 หลัง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทางเดินขึ้น 2 ข้างเปรียบได้กับ สมถะและวิปัสสนา อันเป็นวิถีทางเดิน รูปทรงแบบ คันทาราช (ปางตรัสรู้) ลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิดอกบัว ฐานผ้าทิพย์มีพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. พระพุทธกิติสิริชัยได้ทำพิธีสมโภช และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2539 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเป็น องค์ประธาน ในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และทรงวางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัดทางสาย บ้านกรูด สวยไม่แพ้วัดใดในโลก

วัดทางสาย ตั้งอยู่ริมทะเลบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้าน สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ศาสนา และแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาได้เป็นอย่างดี ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่สำคัญ ในวัดนี้ ประกอบด้วย พระพุทธกิติสิริชัย หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางสมาธิแบบศิลปะคันธาระ หันพระพักตร์ออกทะเล พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด พระปรางค์ จัตุรมุขสูงสามชั้น สามารถมองเห็นได้แต่ไกล พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาปักธงชัย ซึ่งเป็น จุดชมวิวที่สวยงามสามารถมองเห็นชายหาดบ้านกรูด เวิ้งอ่าวและทิวมะพร้าวสุดสายตา เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก

ย.ยักษ์ เขี้ยวใหญ่ 2 ตน มีจริงๆที่วัดทางสาย บ้านกรูด ประจวบคีรีขันธ์

วัดทางสาย ตั้งอยู่ริมทะเลบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้าน สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ศาสนา และแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาได้เป็นอย่­างดี ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่สำคัญ ในวัดนี้ ประกอบด้วย พระพุทธกิติสิริชัย หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางสมาธิแบบศิลปะคันธาระ หันพระพักตร์ออกทะเล พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด พระปรางค์ จัตุรมุขสูงสามชั้น สามารถมองเห็นได้แต่ไกล พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาปักธงชัย ซึ่งเป็น จุดชมวิวที่สวยงามสามารถมองเห็นชายหาดบ้าน­กรูด เวิ้งอ่าวและทิวมะพร้าวสุดสายตา เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก

ย.ยักษ์ เขี้ยวใหญ่ 2 ตน มีจริงๆที่วัดทางสาย บ้านกรูด ประจวบคีรีขันธ์


ระทึก...แห่ตื่นทอง ไปขุดทอง บางสะพาน

 จันทิมารีสอร์ท ตั้งอยู่ที่หาดบางเบิด อ.บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่า แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามขึ้นชื่มมากที่สุดแห่งหนึ่งของอ่าวไทย อยู่ระหว่างรอยต่อของจังหวัดประจวบคีรีขัรธ์และชุมพรพอดี ที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำดูประการังที่มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะบริเวณเกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ ตอนนี้ที่เกาะทะลุทัวร์และจันทิมารีสอร์ท ได้จัดกิจกรรมทัวร์ร่อนทอง เป็นซีซั่นพิเศษช่วงเทศกาลหน้าฝน  เพราะบางขณะในฤดูมรสุมทะเลมีคลื่นก็ไม่ค่อยสะดวกนักในการไปทัวร์ดำน้ำ ก็มีกิจกรรมสนุกๆ มาแนะนำกัน




การหาทองคำที่ ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน เป็นการหาทองคำแบบวิถีชาวบ้าน ที่นี่มีแหล่งทองคำจริงๆ โดยชาวบ้านแถบพื้นที่แถวนั้นมีการหาทองกันแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแล้ว เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคในการร่อนหาทองคำจากรุ่นสู่รุ่น ยกตัวอย่างเช่นครอบครัวของลุงเล็กและป้าชีพ ได้เปิดทำเหมืองทองคำอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ และยังได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการหาแร่ทองคำให้ชาวบ้านในชุมชนได้พึ่งตนเอง สร้างรายได้ให้กับชุมชน  ปัจจุบันการร่อนทองเพื่อหาแร่ทองคำได้เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง เพราะนับวันวัตถุมีค่าอย่างทองคำ มีแต่ราคาสูงขึ้นทุกขณะ  ที่เหมืองทองคำของลุงเล็กเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเหมืองทองคำแบบไม่ทำลายระบบนิเวศน์ เป็นแหล่งศึกษาดูงานของหน่วยงานราชการ. อบต. เทศบาลตำบล ต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงคณะนิสิตนักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่สนใจที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับการร่อนทองคำ ก็สามารถเข้าชมและเข้าร่วมกิจกรรมกับลุงเล็กได้ทุกวัน แต่ควรแจ้งทางลุงเล็กให้ทราบล่วงหน้าก่อนที่เบอร์โทรศัพท์ 085-292-1866 เพื่อความสะดวกทั้งแขกผู้ไปเยือนและทางลุงเล็กเจ้าของบ้านเองด้วย



กิจกรรมทัวร์ร่อนทอง รับจัดแบบเป็นหมู่คณะ มีอุปกรณ์ร่อนทองหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเรียง  เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้การหาทองง่ายและสะดวกขึ้น มีอาหารที่พักแบบชาวบ้านอาหารท้องถิ่นบางสะพาน จัดที่พักแบบโฮมเตย์ ที่เหมืองทองหรือต้องการที่พักแบบสะดวกสบายก็ต้องไปพักที่จันทิมารีสอร์ทหาดบางเบิด บางสะพานน้อย ช่วงเช้าดำน้ำดูปะการังที่เกาะทะลุ ช่วงบ่ายไปร่อนทองที่บางสะพาน ไม่แน่โชคดีขึ้นมาได้ทองเป็นที่ระลึกกลับบ้านได้ด้วย
สนใจทัวร์ดำน้ำเกาะทะลุ และร่อนทองบางสะพาน กับจันทิมารีสอร์ท โทรเลย  098-0641749 และ 081-0068001. ทุกวัน    www.chanthimaresort.com 

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตามไปดู ปูม้าตัวเป็นๆ ที่หาดบางเบิด

                                        จันทิมารีสอร์ท ตั้งอยู่ที่หาดบางเบิด อ.บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่า แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามขึ้นชื่มมากที่สุดแห่งหนึ่งของอ่าวไทย อยู่ระหว่างรอยต่อของจังหวัดประจวบคีรีขัรธ์และชุมพรพอดี ที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำดูประการังที่มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะบริเวณเกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ ตอนนี้ที่เกาะทะลุทัวร์และจันทิมารีสอร์ท ได้จัดกิจกรรมทัวร์ร่อนทอง เป็นซีซั่นพิเศษช่วงเทศกาลหน้าฝน  เพราะบางขณะในฤดูมรสุมทะเลมีคลื่นก็ไม่ค่อยสะดวกนักในการไปทัวร์ดำน้ำ ก็มีกิจกรรมสนุกๆ มาแนะนำกัน




การหาทองคำที่ ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน เป็นการหาทองคำแบบวิถีชาวบ้าน ที่นี่มีแหล่งทองคำจริงๆ โดยชาวบ้านแถบพื้นที่แถวนั้นมีการหาทองกันแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแล้ว เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคในการร่อนหาทองคำจากรุ่นสู่รุ่น ยกตัวอย่างเช่นครอบครัวของลุงเล็กและป้าชีพ ได้เปิดทำเหมืองทองคำอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ และยังได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการหาแร่ทองคำให้ชาวบ้านในชุมชนได้พึ่งตนเอง สร้างรายได้ให้กับชุมชน  ปัจจุบันการร่อนทองเพื่อหาแร่ทองคำได้เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง เพราะนับวันวัตถุมีค่าอย่างทองคำ มีแต่ราคาสูงขึ้นทุกขณะ  ที่เหมืองทองคำของลุงเล็กเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเหมืองทองคำแบบไม่ทำลายระบบนิเวศน์ เป็นแหล่งศึกษาดูงานของหน่วยงานราชการ. อบต. เทศบาลตำบล ต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงคณะนิสิตนักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่สนใจที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับการร่อนทองคำ ก็สามารถเข้าชมและเข้าร่วมกิจกรรมกับลุงเล็กได้ทุกวัน แต่ควรแจ้งทางลุงเล็กให้ทราบล่วงหน้าก่อนที่เบอร์โทรศัพท์ 085-292-1866 เพื่อความสะดวกทั้งแขกผู้ไปเยือนและทางลุงเล็กเจ้าของบ้านเองด้วย



กิจกรรมทัวร์ร่อนทอง รับจัดแบบเป็นหมู่คณะ มีอุปกรณ์ร่อนทองหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเรียง  เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้การหาทองง่ายและสะดวกขึ้น มีอาหารที่พักแบบชาวบ้านอาหารท้องถิ่นบางสะพาน จัดที่พักแบบโฮมเตย์ ที่เหมืองทองหรือต้องการที่พักแบบสะดวกสบายก็ต้องไปพักที่จันทิมารีสอร์ทหาดบางเบิด บางสะพานน้อย ช่วงเช้าดำน้ำดูปะการังที่เกาะทะลุ ช่วงบ่ายไปร่อนทองที่บางสะพาน ไม่แน่โชคดีขึ้นมาได้ทองเป็นที่ระลึกกลับบ้านได้ด้วย
สนใจทัวร์ดำน้ำเกาะทะลุ และร่อนทองบางสะพาน กับจันทิมารีสอร์ท โทรเลย  098-0641749 และ 081-0068001. ทุกวัน    www.chanthimaresort.com

ปลากดขี่ลิง ใครเคยได้ยินบ้าง ที่ตลาดบางสะพาน ชื่อนี้จริงไหมช่วยบอกที


โจ๊กหม้อใหญ่ ข้าวต้มปลา ตลาดบางสะพาน อร่อยที่สุด

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มีอะไรมหม่กับ Microsoft Solutions Summit 2014 เปิดตัว Visual Studio รุ่น...

เปิดตัวแทปเล็ต AUNORA ในงาน Microsoft Solutions Summit 2014 กับราคาที่โ...

เปิดตัวแทปเล็ต AUNORA ในงาน Microsoft Solutions Summit 2014 กับราคาที่โ...

ตามไปดู Microsoft Solutions Summit 2014 เปิดตัว Visual Studio รุ่นใหม่, ...

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สุดยอดของฝาก กล้วยเล็บมือนาง เขาพ่อตาหินช้าง ท่าแซะ ชุมพร มีขายกันตลอดปี...

เหลือเชื่อ..โคมลอยแฝด4จุดขึ้นให้ลอยพร้อมกัน ที่หาดบางเบิด คุณคืดว่าโคมจะ...

จุดโคมลอยแบบ แฝด 3 ท่านคิดว่าจะลอยใหมครับ ไปลุ้นกัน

วันลอยกระทง ที่หาอบางเบิด กับ โคมลอยที่งดงามแค่ใหนไปดูกัน

ลอยกระทง กับการปล่อยโคมลอย ที่หาดบางเบิด มีกี่ลูกไปนับดู

สวนน้ำเขาโพธ์รีสอร์ท ร้านอาหารสวนน้ำ สวนน้ำเขาโพธ์ บางสะพานน้อย ประจวบคี...

สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ สวนน้ำเขาโพธ์แอนด์รีสอร์ท สระน้ำกึ่งธรรมชา...

ไปแวะดูซิมีอะไรดีที่ สวนน้ำเขาโพธ์ ร้านอาหารสวนน้ำ สวนน้ำเขาโพธ์รีสอร์ท

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ช่วงนี้โปรโมชั่นรับลมร้อน ที่ร้อนสุดๆ ไปเที่ยวทะเลบางเบิด ดีกว่า chanthima resort THAILAND

ช่วงนี้โปรโมชั่นพิเศษ โทรเลย 085 2921866 เกาะทะลุทัวร์ สุดยอดการดำน้ำดูปะการังแห่งท้องทะเลอ่าวไทย ประจวบคีรีขันธ์ บริการเรือนำเที่ยวขนาดกลาง ความจุ 70 ท่าน และ 40ท่านพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำตื้นอาหารกล่อง น้ำดื่ม พร้อมไกท์ได้มาตรฐาน บริการแบบประทับใจ ที่เดียวครบที่นี่ บริการห้องพัก ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว       จันทิมารีสอร์ท มีห้องพักแบบมาตรฐาน พร้อมสิ่งอำนวยความสุขครบครัน ให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเป็นสุข สะดวกสบาย โดยมีแบบห้องพักให้ท่านเลือกพักผ่อนได้ตามความพึงพอใจดังนี้
• ห้องพักแบบห้องแถว เตียงเดี่ยว มี 13 ห้อง ในห้องพักมีชุดรับแขก ระเบียงห้องพักส่วนตัว พร้อมแอร์ ทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น พักได้ 2-3 ท่าน ราคาเพียงคืนละ 1,000 บาท (พร้อมอาหารเช้า ข้าวต้มทะเล กาแฟ ชา น้ำผลไม้ ขนมปัง)
• ห้องพักแบบห้องแถว เตียงคู่ มี 16 ห้อง (เตียงขนาด 6 ฟุตทั้ง 2 เตียง) มีระเบียงห้องพักส่วนตัว พร้อมแอร์ ทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น พักได้ 4 ท่าน ราคาเพียงคืนละ 1,200 บาท (พร้อมอาหารเช้า ข้าวต้มทะเล กาแฟ ชา น้ำผลไม้ ขนมปัง)
• ห้องพักชั้น 2 มี (ตึกหลังใหญ่) มี 9 ห้อง พร้อมแอร์ ทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น พักได้ 2-3 ท่าน ราคาเพียงคืนละ 1,000 บาท (พร้อมอาหารเช้า ข้าวต้มทะเล กาแฟ ชา น้ำผลไม้ ขนมปัง)
• บ้านพักแบบบังกาโล บ้านพักแบบรีสอร์ทส่วนตัว มีให้เลือกทั้งแบบบ้านเดี่ยว 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และบ้านเดี่ยว 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พร้อมระเบียงชมวิวส่วนตัว

จันทิมารีสอร์ท / www.chanthimaresort.com
2/48 ม.5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิวจ.ชุมพร 92170
Hotline -  08-1006-8001            
Mobile -  08-5292-1866   098 0641749  
Tel - 032-817249

















                 
Fax 032-817250
E-mail:chanthimaresort@hotmail.com